All posts by ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลโพธิ์ไทร

โรงพยาบาลโพธิ์ไทรรับรางวัลโรงพยาบาลระดับดีในโครงการ “สาธารณสุขรวมใจลดโลกร้อน GREEN & CLEAN Hospital”

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 โรงพยาบาลโพธิ์ไทรรับรางวัลโรงพยาบาลระดับดีในโครงการ “สาธารณสุขรวมใจลดโลกร้อน Green and Clean Hospital” จาก นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี

[fbalbum url=’https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1567031483341584.1073741979.311434945567917′]
โครงการสาธารณสุขรวมใจลดโลกร้อน Green and Clean Hospital

ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากร การขยายตัวของเมือง การขยายตัวภาคอุตสาหกรรม มลพิษสิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพ สังคม และสุขภาพของประชาชน ก่อให้เกิดปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะโลกร้อน และส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับโลก เช่น สหประชาชาติที่มีการผลักดันให้หลายประเทศบรรลุผล MDG (Millennium Development Goal) ในปี ๒๐๑๕ โดยมีแนวคิดในเรื่องการใช้ประโยชน์จากการสุขาภิบาลนำไปใช้ประโยชน์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลมีนโยบายกำหนดให้ทุกกระทรวงดำเนินการตามยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การพัฒนางานอนามัยสิ่งแวดล้อม จึงมุ่งเน้นการจัดการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable and Ecological Sanitation) โดยการดำเนินกิจกรรม GREEN ได้แก่

  • G : Garbage คือ การจัดการมูลฝอยและการใช้ประโยชน์จากขยะและสิ่งปฏิกูลด้วยหลักการ 3 Rs
  • R : Res room คือ การจัดการส้วมสาธารณะให้ได้มาตรฐาน HAS ตลอดจนส่งเสริมพฤติกรรมการ ใช้ส้วมสาธารณะอย่างถูกต้อง
  • E : Energy คือ ลดการใช้พลังงานและพลังงานทดแทนจากชีวภาพและชีวมวล และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อประหยัดทรัพยากร
  • E : Environment คือ การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน และเอื้อต่อสุขภาพ โดยเน้นหลัก ๕ ส. จดสถานที่ทำงานให้น่าอยู่ น่าทำงาน และปลูกต้นไม้เพื่อความร่มรื่น
  • N : Nutrition คือ รณรงค์อาหารปลอดสารพิษ ดูแลสุขภาพด้วยการบริโภคผักพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง เพื่อลดการใช้สารเคมี

กลยุทธ์ CLEAN

  • C : Communication การสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความเข้าใจ
    การดำเนินงานโครงการสาธารณสุขรวมใจ รณรงค์ลดโลกร้อน เป็นการดำเนินงานโดยอาศัยความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย และการสื่อสารสาธารณะด้วยการสร้างกระแสผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ ตลอดจนประชาชนมีความเข้าใจและเกิดความตระหนัก เกิดความร่วมมือในการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย
  • L : Leader สร้างบทบาทนำเพื่อเป็นตัวอย่างในการดำเนินงาน
    การดำเนินงานให้เกิดเป็นศูนย์เรียนรู้ ร่วมลดโลกร้อน เพื่อเป็นต้นแบบในการดำเนินงานลดภาวะโลกร้อนในสถานบริการสาธารณสุข ด้วยแนวคิดการจัดการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable and Ecological Sanitation) ด้วยวิธีการที่เหมาะสม มีการขยายผลสู่การเป็นศูนย์สาธิตและดำเนินกิจกรรม GREEN ให้ครบทั้ง 5 ด้าน สามารถเป็นแหล่งถ่ายทอดการเรียนรู้สู่สาธารณะได้
  • E : Effectiveness ให้บังเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ
    ส่งเสริมให้สถานบริการสาธารณสุขดำเนินงานลดโลกร้อน ด้วยกิจกรรม GREEN ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของสถานบริการสาธารณสุขที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงาน และมีระบบการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โดยพิจารณาจากการดำเนินงานกิจกรรม GREEN ครบทั้ง 5 ด้าน มีผลงานเป็นต้นแบบสามารถขยายผลสู่ชุมชน นำไปสู่ความร่วมมือลดโลกร้อนของชุมชน
  • A : Activity สร้างกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกอย่างมีส่วนร่วม
    มีการเชิญชวนให้บุคลากรในสถานบริการสาธารณสุข หน่วยงานอื่น และชุมชนเข้าร่วมโครงการ ฯ โดยชี้แจงให้ผู้บริหารและบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขเข้าใจและตระหนักต่อปัญหาภาวะโลกร้อน และแนวทางการลดภาวะโลกร้อนด้วยหลักการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้กิจกรรม GREEN และมีการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วมภายในสถานพยาบาล และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีการสรุปบทเรียนเพื่อการจัดการความรู้ โดยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ต่อไป
  • N : Networking ร่วมกับภาคีเครือข่ายในการดำเนินงาน
    สถานบริการสาธารณสุขมีการดำเนินงานโครงการสาธารณสุขรวมใจ รณรงค์ลดโลกร้อน โดยการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ชุมชน และท้องถิ่น มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการดำเนินงานลดโลกร้อนร่วมกัน และมีการขยายผลการดำเนินงานสู่สถานบริการสาธารณสุขอื่นๆ และหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป

 

เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอโพธิ์ไทรอบรมฟื้นฟูทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) อำเภอโพธิ์ไทร วันที่ 29 มิถุนายน 2560 ณ โรงพยาบาลโพธิ์ไทร

วันที่ 29 มิถุนายน 2560 เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอโพธิ์ไทรจัดการอบรมฟื้นฟูทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) อำเภอโพธิ์ไทร โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์อิทธิศักดิ์ เจริญทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธิ์ไทร เป็นประธานเปิดการอบรมและวิทยากร ณ ห้องประชุมร่มโพธิ์ไทร โรงพยาบาลโพธิ์ไทร

[fbalbum url=https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1560452953999437.1073741978.311434945567917]

โรงพยาบาลโพธิ์ไทรแจ้งแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน Ransomware

ตามที่มีการแพร่กระจายของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) โจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ส่งผล กระทบให้ธุรกิจและบริการ ร่วมถึงสถานพยาบาลหลายแห่งต้องหยุดบริการและต้องสูญเสียเงินจำนวนมากเพื่อจ่ายเป็นค่าไถ่คืนข้อมูสำคัญ

ในการนี้โรงพยาบาลโพธิ์ไทร มีความกังวลเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ เครื่องคอมพิวเตอร์สำนักงานที่ใช้กันในปัจจุบัน จึงขอให้ทุกกลุ่มงานตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน Ransomware อย่างเคร่งครัด มิให้ตกเป็นเหยื่อของ Ransomware โดยได้แนบแนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน Ransomware

ทั้งนี้หากกลุ่มงานต้องการความช่วยเหลือรวมถึงคำปรึกษา ติดต่องานเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มงานประกันสุขภาพ ยุทธศาสตร์และสารสนเทศทางการแพทย์ หมายเลขภายใน ๑๗๖, email : [email protected] และสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “แนวทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน Ransomware

 

กระทรวงสาธารณสุขประกาศอัตราค่าบริการของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560

ด้วยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดอัตราค่าบริการของสถานบริการสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ พ.ศ.2547 ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยเฉพาะหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุจที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเป็นจำนวนมากในการให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีการปรับปรุงอัตราค่าบริการของหน่วยบริการ และได้ดำเนินการปรับปรุงอัตราค่าบริการของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560 เสร็จสิ้นแล้ว

กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้ว เพื่อให้หน่วยบริการทุกแห่งของกระทรวงสาธารณสุขได้มีการเรียกเก็บอัตราค่าบริการจากผู้มารับบริการที่เหมาะสม และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงขอยกเลิกอัตราค่าบริการของสถานบริการสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2547 และขอให้หน่วยบริการทุกแห่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ถือปฏิบัติตามแนวทางอัตราค่าบริการของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560

Download “อัตราค่าบริการของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560” force_down.php – Downloaded 1018 times – 92.77 MB

ที่มา : สำนักบริหารการสาธารณสุข

ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ณ หอประชุมอำเภอโพธิ์ไทร เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ณ หอประชุมอำเภอโพธิ์ไทร เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต

  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ในเวลานอนปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่จะมาบริจาคโลหิต
  2. สุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาแก้อักเสบใดๆ
  3. รับประทานอาหารมื้อหลัก ก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ อาหารที่ประกอบด้วยกะทิ แกงต่างๆ ของทอด ของหวาน ฯลฯ เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้
  4. ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณ โลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต
  5. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  6. งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต

  1. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ผู้ที่มีอายุ 17 ปี ไม่ถึง 18 ปี ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง
  2. ผู้บริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก ถ้าอายุเกิน 55 ปี – 60 ปี ให้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ และ พยาบาล
  3. ผู้บริจาคโลหิตอายุมากกว่า 60 ปี – 70 ปี แบ่งเกณฑ์การคัดเลือกตามาอายุ 2 ช่วง ดังนี้
    1. การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตอายมากกว่า 60 จนถึง 65 ปี
      • เป็นผู้บริจาคโลหิตประจำมาโดยตลอดจนกระทั่งอายุ 60 ปี
      • บริจาคโลหิตได้ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง คือทุก 4 เดือน
      • ตรวจ Complete Blood Count ( CBC ) , Serum Ferritin ( SF ) ปีละ 1 ครั้ง เพื่อประกอบการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทั่วไป และสำหรับแพทย์ใช้ผลการตรวจ SF ในการติดตามและปรับการให้ธาตุเหล็กทอดแทน
    2. ผู้บริจาคโลหิตอายุมากกว่า 65 ปี จนถึง 70 ปี
      • เป็นผู้บริจาคโลหิตต่อเนื่องสม่ำเสมอในช่วงอายุ มากกว่า 60 ปี จนถึง 65 ปี
      • บริจาคโลหิตได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง คือ ทุก 6 เดือน
      • ต้องได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพโดยแพทย์ หรือพยาบาลของธนาคารเลือดหรือหน่วยงานรับบริจาคโลหิตซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจคัดกรองสุขภาพผู้บริจาคโลหิต
  4. ตรวจ CBC และ SF ปีละ 1 ครั้ง
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในเวลาปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่มาบริจาคโลหิต
  6. ไม่มีอาการท้องเสีย ท้องร่วง ใน 7 วันที่ผ่านมา
  7. ไม่อยู่ในช่วงน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วในระยะ 3 เดือนที่ผานมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
  8. สตรีไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือน ที่ผ่านมา
  9. น้ำหนักต้องไม่ลดผิดปกติในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุ
  10. หากรับประทานยาแอสไพริน, ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาแก้ปวดอื่นๆ ต้องหยุดยามาแล้ว 3 วัน ถ้าเป็นยาแก้อักเสบหรือยาอื่นๆ ต้องหยุดยามาแล้ว 7 วัน
  11. ไม่เป็นโรคหอบหืด, ผิวหนังเรื้อรัง, วัณโรค หรือภูมิแพ้อื่นๆ
  12. ไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หัวใจ, ตับ, ไต, มะเร็ง, ไทรอยด์,โลหิตออกง่าย-หยุดยาก หรือโรคประจำตัวอื่นๆ
  13. หากถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนหรือรักษารากฟัน ต้องทิ้งระยะอย่างน้อย 3 วัน
  14. หากเคยได้รับการผ่าตัดใหญ่ต้องเกิน 6 เดือน, ผ่าตัดเล็ก ต้องเกิน 1 เดือน
  15. ท่านหรือคู่ครองของท่านต้องไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์
  16. ต้องไม่มีประวัติยาเสพติด หรือเพิ่งพ้นโทษ ต้องเกิน 3 ปี และมีสุขภาพดี
  17. หากเจาะหู, สัก, ลบรอยสักหรือฝังเข็มในการรักษา ต้องเกิน 1 ปี
  18. หากมีประวัติเจ็บป่วยและได้รับโลหิตของผู้อื่น ต้องเกิน 1 ปี
  19. หากมีประวัติเป็นมาเลเรีย ถ้าเคยเป็นต้องหายมาแล้วเกิน 3 ปี หากเคยเข้าไปในพื้นที่ ที่มีเชื้อมาเลเรียชุกชุม ต้องทิ้งระยะอย่างน้อยเกิน 1 ปี จึงบริจาคโลหิตได้
  20. ต้องไม่ได้รับวัคซีนในระยะ 14 วัน หรือเซรุ่มในระยะ 1 ปี ที่ผ่านมา
  21. ก่อนบริจาคโลหิตต้องรับประทานอาหารให้เรียบร้อย หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวข้าวหมู ของทอด ของหวาน แกงกะทิต่างๆ

เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอโพธิ์ไทร รับโล่เกียรติคุณ จากอธิบดีกรมสุขภาพจิต “การบูรณาการการดูแลสุขภาพจิตผู้สูงอายุตำบลสองคอน”

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2560 เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอโพธิ์ไทร รับโล่เกียรติคุณ จากอธิบดีกรมสุขภาพจิต “การบูรณาการการดูแลสุขภาพจิตผู้สูงอายุตำบลสองคอน” ภายใต้ระบบสุขภาพระดับอำเภอลงสู่ชุมชนยอดเยี่ยมระดับประเทศ ณ โรงแรมปรินซ์พาเลส มหานาค

ราชกิจจาฯ เผยแพร่แนวปฏิบัติการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่ประกาศคำสั่งจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติให้มีผลบังคับใช้ตามกฏหมายโดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 25(10) แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 5/2559 เมื่อวันที่ 23กันยายน 2559 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ พ.ศ. 2559 โดยพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัยรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่30 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ประกาศฉบับนี้จึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สาระสำคัญของ ประกาศฉบับนี้ แนวทางปฏิบัตินี้เป็นแนวทางเบื้องต้น เพื่อประกอบการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งรวมถึงการใช้งานในเรื่องวิชาชีพและส่วนตัวที่อาจเกี่ยวข้องหรือส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย วิชาชีพ หรือระบบสุขภาพโดยรวมของสภาวิชาชีพ สถานพยาบาล องค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน และผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ โดยสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงกระดานข่าว เครือข่ายสังคมออนไลน์ บล็อก เว็บไซต์สำหรับสรา้งและแก้ไขเนื้อหาร่วมกัน เช่น วิกิพีเดีย เกมออนไลน์หรือโลกเสมือนที่มีผู้ใช้งานหลายคน สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อออนไลน์อื่นที่เป็นช่องทางสื่อสารระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล หรือสาธารณะ และสื่อสำหรับการเผยพร่และแลกเปลี่ยนเนื้อหาที่เป็นภาพนิ่ง เสียง วีดิทัศน์ หรือแฟ้มข้อมูลหรือเนื้อที่เก็บข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

โดยให้ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพใช้สื่อสังคมออนไลน์ตามหลักการที่มีการกำหนดไว้ในแนวทางฉบับนี้ อาทิ หลักการเคารพกฎหมาย หลักการเคารพในจริยธรรมแห่งวิชาชีพ หลักการเคารพในกฎระเบียบและนโยบายขององค์กร หลักการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการหลีกเลี่ยงการทำให้ผู้อื่นเสียหาย หลักการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ และหลักเสรีภาพทางวิชาการ

 ซึ่งในพรบ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 กำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 7 ไว้ว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินจ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยความผิดนี้เป็นความผิดฐานยอมความได้ 

สามารถดาวน์โหลดราชกิจจานุเบกษาฉบับเต็มได้ที่
Download “ประกาศคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ พ.ศ. 2559” 12.PDF – Downloaded 2190 times – 182.05 KB

ข้อมูลเพิ่มเติม

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)

เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอโพธิ์ไทรรับมอบโล่รางวัลเครือข่ายที่มีผลการพัฒนางานดีเด่น ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2560

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอโพธิ์ไทรรับมอบโล่รางวัลเครือข่ายที่มีผลการพัฒนางานดีเด่น ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2560 จากนายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ณ ห้องประชุมโรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ โดยแยกเป็นสาขาดังนี้

  • เครือข่ายที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น รอบที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2560
  • คปสอ.ที่มีผลงานโดดเด่นด้านโรคไม่ติดต่อ ปี 2560
  • คปสอ.ที่มีการพัฒนาตำบลดูแลผู้สูงอายุระยะยาวดีเด่น ปี 2560
  • อำเภอที่มีบูรณาการดำเนินงานสุขภาพจิตในระบบสุขภาพอำเภอดีเด่น ปี 2560
  • การบริหารจัดการด้านการเงินการคลังดีเด่น ปี 2560
[fbalbum url=https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1533793556665377.1073741975.311434945567917]

โรงพยาบาลโพธิ์ไทรมีความประสงค์รับย้าย/โอน ข้าราชการตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ จำนวน 1 ตำแหน่ง

ด้วยโรงพยาบาลโพธิ์ไทรมีความประสงค์รับย้าย/รับโอน ข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง จำนวน 1 ตำแหน่ง โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งดังนี้

  1. ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ ระดับปฏิบัติการ/ชำนาญการ จำนวน 1 อัตรา

โดยให้ผู้ประสงค์โอน ยื่นหนังสือขอโอน พร้อมด้วยสำเนาหลักฐานการศึกษา สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน โดยยื่นด้วยตนเองที่กลุ่มงานการจัดการ โรงพยาบาลโพธิ์ไทร ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 045 496170 ต่อ 101 หรือ 086-2563183

คู่มือการซักประวัติผู้ป่วยต่างชาติ 5 ภาษา “อังกฤษ-จีน-ญี่ปุ่น-พม่า-มาลายู”

สพฉ. จัดทำคู่มือการซักประวัติผู้ป่วยต่างชาติ 5 ภาษา “อังกฤษ –จีน-ญี่ปุ่น-พม่า-มาลายู” รับ เปิด AEC แก้ปัญหา สื่อสาร ณ จุดเกิดเหตุ หวัง ประสานศูนย์สั่งการ เตรียมรับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

Download “คู่มือการซักประวัติผู้ป่วยต่างชาติ 5 ภาษา “อังกฤษ –จีน-ญี่ปุ่น-พม่า-มาลายู”” DownloadFile.aspx – Downloaded 2998 times – 10.46 MB